สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานมากเพราะยุ่งทางโลกซะเยอะ แต่ปีนี้ก็ยังได้ไปปฎิธรรม เจริญสติเหมือนทุกๆปี และได้มีโอกาสร่วมในหลักสูตรและสถานที่ๆแตกต่างจากที่ได้เคยเขียนรีวิวไปแล้ว จึงอยากจะมาแนะนำสถานที่ใหม่ๆ หลักสูตรใหม่ๆให้ผู้สนใจได้เข้ามาลองศึกษา ลองดู ลองชม ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าปฎิบัติกันค่ะ
หลักสูตรที่ได้เข้าปฎิบัติในปีนี้คือ หลักสูตรของ อ.เรณู ทัศณรงค์ ที่ยุวพุทธิกสมาคม ศูนย์ 2, ปทุมธานี โดยได้รู้จัก อ.เรณู จากวิดีโอที่เปิดฟังระหว่างที่ได้เข้าปฎิบัติในหลักสูตรของคุณแม่สิริที่ศูนย์ 1 ตอนนั้นรู้สึกประทับใจในตัวอาจารย์มาก เพราะท่านให้โอวาสเก่ง อธิบายเก่ง เข้าใจง่าย มีอารมณ์ขัน และที่สำคัญคือ เราสามารถรู้สึกได้ถึงความตั้งใจในการสอนและการปฎิบัติของท่าน เลยคิดเอาไว้ตั้งแต่ปฎิบัติที่ยุวพุทธในครั้งแรกแล้วว่า ซักวันจะเข้าปฎิบัติในหลักสูตร อ.เรณู ดู
หลักสูตรของ อ.เรณูที่จัดที่ศูนย์ 2 จะมีทั้งหมด 2 หลักสูตร คือหลักสูตรพื้นฐานและหลักสูตรเข้มข้น ซึ่งหลักสูตรที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นหลักสูตรเข้มข้นค่ะ ทางยุวพุทธได้เขียนแนะนำไว้ว่าผู้ที่สมัครเข้าปฎิบัติควรที่จะเคยได้เข้าร่วมในหลักสูตรพัฒนาจิตของคุณแม่สิริให้ได้ครบ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อยก่อน เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน ส่วนในหลักสูตรนี้จะเป็นการนำทุกสิ่งทุกอย่างทั้งเรื่องของการเดิน การนั่ง และการกำหนดอิริยาบทย่อยมาใช้ในการปฎิบัติอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ฟังมา ก็มีหลายคนในคอร์สที่ไม่เคยปฎิบัติที่ศูนย์ 1 มาก่อน หรือผ่านศูนย์ 1 มาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นอยู่เหมือนกัน ส่วนตัวแล้วคิดว่า ควรทำตามคำแนะนำของศูนย์ค่ะ คือเข้าปฎิบัติในหลักสูตรของคุณแม่สิริอย่างน้อย 2 ครั้งเสียก่อน (สำหรับคนที่ไม่เคยปฎิบัติที่อื่นเลย) จึงจะสมัครเข้าปฎิบัติในคอร์สเข้มข้นนี้ เพื่อที่จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปฎิบัติ
ในการรีวิวครั้งนี้ ขออนุญาตข้ามในส่วนของการสมัครและหลักเกณฑ์ในการสมัครไปก่อนเลยนะค่ะ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้จากรีวิวหลักสูตรคุณแม่สิริ ที่ได้เขียนไปแล้วโดยคลิกที่นี่ หรือท่านสามารถหาอ่านข้อมูลต่างๆได้จาก www.ybat.org ซึ่งการสมัครสามารถทำได้อย่างสะดวกสบายบนเว็บไซต์ หรือโดยการส่งจดหมายค่ะ
การเดินทางและแผนที่
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วคือ หลักสูตรเข้มข้นของ อ.เรณู จะจัดที่ศูนย์ 2 ซึ่งอยู่ไกลพอสมควร การบอกแท็กซี่เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางหลักๆคือบอกว่าอยู่ที่วัดพระธรรมกาย เข้าถนนเลียบคลอง 3 ตรงเข้าไป 9 กม. ก็จะเจอสมาคม บอกนิดนึงว่าแท็กซี่บ่นเรื่องระยะทางกันนิดนึง แต่แท็กซี่ส่วนใหญ่ยอมไปนะคะ คิดว่าถ้าท่านไม่มีรถ การเดินทางไปศูนย์ปฎิบัติก็คงจะไม่ยากจนเกินไป ส่วนด้านล่างเป็นแผนที่และเบอร์ติดต่อของศูนย์ที่ควรมีติดตัวเอาไว้ถ้าท่านมาจากต่างจังหวัดและกลัวหลงค่ะ
ที่ตั้ง ๑๙ หมู่ ๑๖ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี ๑๒๑๒๐
โทรศัพท์ ๐๘๖-๐๑๕-๑๔๕๑ โทรสาร ๐-๒๙๘๖-๖๔๐๓-๔ ต่อ ๑๑๑
อีเมล์ ybat02@ybat.org
การเตรียมตัวเข้าศูนย์และตารางการปฎิบัติ
เมื่อท่านมาถึงศูนย์ในวันแรกของการปฎิบัติ ท่านสามารถขับรถไปตามป้ายบอกทาง ซึ่งจะชี้ไปที่ตึกปฎิบัติเพื่อลงทะเบียน และจัดเอากระเป๋าขึ้นห้อง ทางศูนย์มีบริการช่วยยกกระเป๋าให้สำหรับท่านที่ยกกระเป๋าขึ้นตึกไม่ไหวค่ะ เพราะห้องปฎิบัติจะอยู่ที่ชั้น 2 เยอะเหมือนกัน ตามตารางแล้วเวลาลงทะเบียนจะอยู่ที่ 8.30-10.30 น. จากนั้นก็จะเข้าปฐมนิเทศน์ในเวลา 10.30-11.30 น. วิทยากรจะทำความเข้าใจกับเราเรื่องของข้อตกลงและการใช้ชีวิตในศูนย์ ซึ่งคิดว่าคล้ายคลึงกันกับของศูนย์ 1 คือให้ปิดวาจา, ไม่ให้เขียนไดอารี่ หรืออ่านหนังสืออะไรทำนองนั้น ในวันที่ท่านเดินทางไปศูนย์ขอแนะนำให้ใส่ชุดขาวมาจากบ้านเลย หรือถ้าไม่สะดวกจะเอามาเปลี่ยนเอาที่ศูนย์ก็ได้ค่ะ
สำหรับท่านที่มาจากต่างจังหวัด และจะเข้าศูนย์หลังเวลาปฐมนิเทศน์ ท่านสามารถโทรแจ้งสมาคมก่อนได้ ท่านจะพลาดในส่วนของการปฐมนิเทศน์ไป แต่คิดว่าไม่มีผลอะไรมาก ถ้าเราได้อ่านข้อตกลงในการเข้าอบรมในหลักสูตรตั้งแต่ตอนสมัครเข้าปฎิบัติและพร้อมที่จะปฎิบัติตามข้อตกลงเหล่านั้นอยู่แล้ว
เมื่อเข้าตึกและเดินบันไดขึ้นชั้น 2 ของอาคาร จะเจอห้องปฎิบัติ ซึ่งจะใช้เป็นที่รวมตัว สวดมนต์ และทำกิจกรรมอื่นๆเช่นการฟังธรรมะบรรยายตามเวลาที่นัดหมาย ห้องปฎิบัตินี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนของศูนย์ 1 ค่ะ แต่ก็เป็นห้องปรับอากาศ ซึ่งเค้าจะเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้เฉพาะเวลาที่ต้องใช้ห้องเท่านั้น คือเวลาเช้า 4.30 น. จนถึงไปเวลาอาหารเช้า และช่วงเย็นเวลา 17.00 น. ไปจนถึง 21.30 น.
ด้านล่างเป็นรูปของห้องพัก ซึ่งมีทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ของอาคาร ส่วนรูปนี้ถ่ายจากห้องพักชั้น 2 ค่ะ
ห้องพักทุกห้องเหมือนกันหมดค่ะ เป็นห้องเดี่ยว มีห้องน้ำในตัว มีราวเกาะสำหรับผู้สูงอายุด้วย ถ้าใครต้องการเตรียมผ้าห่มมาเองจากที่บ้าน เอาเป็นผ้าห่มบางๆก็พอค่ะเพราะห้องของเค้าเป็นห้องพัดลม โดยจะมีพัดลมติดผนังตายตัวเลย 1 ตัว และมีพัดลมตั้งพื้นแบบยกออกไปใช้งานที่ไหนก็ได้อีก 1 ตัว ในห้องเค้าได้เตรียมอาสนะสำหรับนั่งสมาธิ ผ้าเช็ดโต๊ะ อุปกรณ์ทำความสะอาดจานชาม และพวกขันอาบน้ำเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ข้างๆของทุกห้องจะมีซองเป็นพื้นที่เปิด และค่อนข้างโปร่งมากอยู่ เป็นที่ๆเราชอบมาเดินจงกรมและนั่งสมาธิกันในเวลาปฎิบัติอิสระ เราสามารถนำพัดลมจากในห้องมาใช้ที่นี่ได้ถ้ารู้สึกว่าอากาศมันร้อนเกินไป โดย 1 ซองจะใช้ร่วมกัน 2 ห้องค่ะ
ความพิเศษของศูนย์นี้อีกอย่างนึงคือ ทางศูนย์จะมีการกดกริ่งทุกๆ 15 นาที ซึ่งเวลาที่แตกต่างกันกริ่งก็จะดังในจังหวะที่แตกต่างกัน คิดว่าคล้ายๆกับนาฬิกาคุกคูสมัยก่อน โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าการกดกริ่งแบบนี้เป็นประโยชน์มากๆต่อการกะเวลาในการปฎิบัติ ปฎิบัติ 1 ชม. ก็แค่รอกระดิ่งตีครบ 4 ครั้ง ไม่ต้องเสียสมาธิพะวงกับนาฬิกาบ่อยๆ ดีมากๆเลยค่ะ
ส่วนอาหารการกินของศูนย์นี้ก็จะไม่ต่างจากของศูนย์ 1 มากนัก คือจะเป็นอาหารมังสวิรัติ รสชาติดี โดยเราจะต้องเดินลงไปตักอาหารบริเวณชั้น 1 แล้วนำกลับเข้ามาทานอาหารในห้อง ซึ่งในห้องก็จะมีช้อนส้อม แก้วน้ำ และแก้วสำหรับใส่เครื่องดื่มร้อนๆไว้ให้ เมื่อเราทานเสร็จก็ล้างเฉพาะส่วนของสิ่งของที่ติดมากับห้องเรา ส่วนถาดอาหารก็วางเอาไว้หน้าห้องรอให้เจ้าหน้าที่มาเก็บค่ะ สำหรับมื้อเย็นหรือมื้ออาหารว่างนั้น เจ้าหน้าที่จะเข้ามาวางเอาไว้ที่หน้าห้องให้เราเอง ถ้าท่านไม่ต้องการทานของว่างเพราะต้องการถือศีล 8 เจ้าหน้าที่จะติดป้าย “งดของว่าง” ไว้ให้แทนค่ะ
ไม่ได้ถ่ายรูปส่วนของสเตชั่นน้ำมาค่ะ แต่ที่นี่จะมีสเตชั่นน้ำบริการ โดยจะมีคูลเลอร์น้ำเย็น มีกระติกน้ำร้อน มีนมกล่องชนิดต่างๆ และเครื่องดื่มชงชนิดต่างๆอยู่ และที่สเตชั่นนี้จะมีขวดน้ำขนาดใหญ่วางอยู่เป็นจำนวนมาก ขวดน้ำเหล่านี้เราสามารถนำเข้าไปดื่มเองในห้องของเราได้ พอดื่มจนหมด ก็เอาขวดเปล่ากลับมาใส่ตะกร้าไว้ แล้วเอาขวดใหม่ไปดื่มต่อได้อีก
ถ้าท่านลืมนำสิ่งของอะไรไปและต้องการจะฝากทางศูนย์ซื้อ หรือถ้าท่านต้องการจะสื่อสารอะไรกับเจ้าหน้าที่ของทางศูนย์ ในห้องจะมีปากกาและสมุดฉีกเอาไว้ให้ท่านเขียนแล้วนำมาวางที่โต๊ะหน้าห้อง เมื่อเจ้าหน้าที่ผ่านมาเห็นก็จะจัดการเป็นธุระให้ค่ะ
อาจจะเล่าหยาบๆซักหน่อยในรีวิวนี้ แต่ยังรู้สึกอยู่เสมอๆว่าระบบของยุวพุทธเป็นระบบที่ดีจริงๆ เรื่องความสะอาดก็ดีมากด้วยค่ะ ถ้าท่านได้เคยไปที่วัดปฎิบัติอื่นๆมาก่อน ท่านจะทราบในข้อนี้ดี ขอรับรองให้มั่นใจอีกทีเรื่องความสะดวกและความสัปปายะค่ะ
การปฎิบัติ
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น การปฎิบัติในหลักสูตรนี้เป็นการปฎิบัติที่ต้องอาศัยพื้นฐานของการปฎิบัติแบบพอง-ยุบ หรือสติปัฎฐาน 4 ตามแบบของคุณแม่สิริ กริณชัย ขอเน้นอีกครั้งหนึ่งเรื่องความสำคัญของการมีพื้นฐานที่ดีในการปฎิบัติมาก่อนเข้าหลักสูตรนะคะ เพราะเท่าที่ได้สัมผัสมา วิทยากรจะบอกเป็นแนวทางเท่านั้นว่าวันนี้ต้องเดินระยะนี้ เท่านี้ และทวนจังหวะการเดินบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่มีการมาสอนเดินพร้อมกันเหมือนคอร์สเบื้องต้น ถ้าท่านไม่มีพื้นฐานที่ดีมาก่อน ก็อาจจะงงได้ค่ะ
ส่วนตารางการปฎิบัติในทุกๆวันก็จะเหมือนกันทั้งหมดตามด้านล่างนี้เลยนะคะ
4.00-4.30 น. สรีระกิจ
4.30-5.00 น. ปฎิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
5.00 น. นั่งสมาธิพร้อมกันที่หอธรรม
5.30 น. สวดมนต์ ทำวัตรเช้า ฟังบรรยายธรรม
7.00 น. อาหารเช้า
8.00 น. ปฎิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
(สอบอารมณ์เริ่มวันที่ 3 ของการปฎิบัติ โดยเจ้าหน้าที่จะนำตารางเวลาของท่านวางไว้ให้ที่หน้าห้อง)
11.30 น. อาหารกลางวัน
12.30 น. ปฎิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
16.00 น. รับประทานของว่าง (ขนม/ผลไม้)
17.00 น. นั่งสมาธิพร้อมกันที่หอธรรม
17.30 น. สวดมนต์ ทำวัตรเย็น ฟังบรรยายธรรม
19.15 น. ปฎิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
21.30 น. พักผ่อน
เนื่องจากหลักสูตรนี้เน้นการกำหนดอิริยาบทย่อย ถ้าเราตั้งใจในการกำหนดมากๆ จะทำอะไรได้ช้าหน่อย ก็อาจจะทำให้ตารางที่เค้าจัดไว้เลื่อนหรือคลาดเคลื่อนไปบ้าง บางครั้งอาจจะเข้าห้องกรรมฐานสายไปนิดหน่อย เค้าก็ไม่ได้ว่าหรือตำหนิอะไรค่ะ เพียงแต่อยากให้ค้นใจตัวเอง สำรวจพฤติกรรมตัวเองให้แน่ชัดว่า ที่เราช้าบ้างนิดหน่อยนี้ เป็นเพราะเราตั้งใจปฎิบัติจริงๆ ไม่ได้เหลวไหล ไม่ได้อู้ การปฎิบัติคือการงานอย่างหนึ่งค่ะ และเป็นการงานที่เราต้องอาศัยความขยันขันแข็งเยอะเลยทีเดียว
ในหลักสูตรเข้มข้นนี้ เค้าใช้ระบบไว้ใจกันซะเยอะค่ะ เพราะทางศูนย์จะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ตั้งใจมากจริงๆ ทางศูนย์จึงไม่มีการเก็บโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เค้าเพียงแต่ไว้ใจให้ท่านทำตามกฎกติกาของเค้า เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง และผู้ร่วมปฎิบัติท่านอื่นๆด้วย
วิทยากรจะพยายามเน้นว่า ในหลักสูตรนี้ อยากให้โยคีผู้ปฎิบัติเจริญสติให้มีความต่อเนื่อง จะพยายามไม่ให้มีการนอนกลางวัน ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ปฎิบัติค่ะ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ไม่ไหวแล้วนอนไปเหมือนกัน เพราะวิทยากรก็ไม่ได้เดินมาตรวจห้องบ่อยๆตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้เห็นมา ทุกคนตั้งใจปฎิบัติกันมาก ที่เห็นนอนจริงๆก็เป็นพวกผู้ป่วย ที่ปฎิบัติไม่ค่อยไหว แต่พอเค้ารู้สึกดีขึ้น เค้าก็ลุกขึ้นมาเดินจงกรม นั่งกรรมฐานกันตลอด จนตัวเราเองยังแปลกใจว่าคอร์สนี้สามารถรวมคนที่ตั้งใจปฎิบัติมาได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง ตั้งแต่ได้อยู่มา 7 วันแทบไม่ได้ยินเสียงคนพูดเลยค่ะ หรืออาจจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ บรรยากาศในการปฎิบัติและการเจริญสติมันดีมากๆๆๆๆถึงมากที่สุด จนตัวเราเองยังรู้สึกโชคดีที่สมัครเข้ามาปฎิบัติในหลักสูตรนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เรามีกำลังใจในการปฎิบัติและพากเพียรพยายามต่อไปเรื่อยๆจนถึงวันสุดท้าย และถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้พูดกันเลย อาจจะไม่ได้สบตากันด้วยซ้ำ เพราะต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาปฎิบัติ แต่ความตั้งใจของแต่ละคนมันเป็นพลังที่สุดยอดเลยจริงๆ
กับศูนย์นี้และคอร์สนี้มีแต่เรื่องประทับใจในระดับจิตวิญญาณ จนมันบดบังข้อดีส่วนอื่นๆทั้งหมด ถ้าท่านมีความตั้งใจจริง และมีความสนใจในหลักการปฎิบัติแบบคุณแม่สิริ หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรแนะนำเลยค่ะ
เรื่องการเตรียมของส่วนตัวต่างๆ ขอฝากรายการเอาไว้ด้านล่างนี้เลยนะคะ
- ชุดขาวล้วนทั้งชุด ไม่มีลาย ไม่มีสี ไม่มีตัวหนังสือ ไม่บาง ไม่โป๋ ไม่สั้น
- เครื่องใช้ส่วนตัว เช่นแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อนอน และอาจจะมีครีมนิดหน่อยสำหรับคนผิวแห้งนะค่ะ เพราะเราต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอด
- เสื้อหนาวสีขาวหรือผ้าคลุมกันหนาวสีขาว ไม่มีสี ไม่มีลาย ไม่มีตัวหนังสือ (ควรมีเอาไว้เผื่อหนาวค่ะ)
- ถุงเท้าใส่ในตึก อันนี้แล้วแต่บางคนค่ะ
- รองเท้าใส่อาบน้ำ อันนี้ก็แล้วแต่เหมือนกันค่ะ แต่เราใส่นะ เพราะกลัวลื่นหลายๆอย่าง
- ยาประจำตัว ยาพื้นฐาน ยาอมแก้เจ็บคอ แก้ไอ ถ้าไม่เอาไปก็ฝากเค้าซื้อได้ค่ะ เค้ามีบริการ
- ปลอกหมอนโตๆ และผ้าห่ม ถ้าไม่ชอบใช้เครื่องนอนของศูนย์
ขอให้เจริญในธรรมกันทุกคนเลยนะคะ
Credit รูปภาพ: http://www.ybat.org, http://www.youtube.com
Pingback: Review: ยุวพุทธิกสมาคม ศูนย์ 2, ปทุมธานี (หลักสูตร พระราชสิทธิมุนี (วิ.)) | House of the Grey Lotus