Review: ยุวพุทธิกสมาคม (หลักสูตรพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข โดยคุณแม่สิริ)

เหมือนเดิมค่ะ เครดิตรูปภาพท้ายโพสต์นะค่ะ

ยุวพุทธิกสมาคม แห่งประเทศไทยจริงๆแล้วมีจัดหลักสูตรปฎิบัติธรรมหลายหลักสูตรค่ะ หลักสูตรที่สอนโดยพระวิปัสสนาจารย์ที่ดังๆก็มีอยู่เยอะ รวมถึงหลักสูตรพระจากประเทศพม่าด้วย เป็นสมาคมที่ควรได้รับการสนับสนุนมากค่ะ บริหารได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าทั้งองค์กรเดินไปได้ด้วยเงินบริจาคล้วนๆ ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยจริงๆค่ะ

หลักสูตรที่จะมารีวิวให้ได้อ่านกันในวันนี้คือหลักสูตร “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข” โดย คุณแม่สิริ กริณชัย ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นหลักสูตรหลักของที่นี่ เพราะเป็นหลักสูตรที่เปิดรับคนเข้าปฎิบัติเป็นจำนวนมากถึง 400 คนต่อหลักสูตร และจัดบ่อยมาก การปฎิบัติจะเป็นการเจริญสติปัฎฐาน 4 โดยจะใช้วิธีดูอาการเคลื่อนไหว (การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย) และดูอารมณ์ (การเปลี่ยนแปลงทางจิต) ซึ่งเมื่อถึงเวลานั่งสมาธิเราก็จะดูการเคลื่อนไหวของท้อง (สายพอง-ยุบ) จริงๆแล้วหากใครเคยไปฝึกกับหลวงพ่อจรัญที่นี่ก็จะมีลักษณะการปฎิบัติที่คล้ายคลึงกันมากค่ะ

การสมัครค่อนข้างสะดวกค่ะ ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นก็แนะนำให้สมัครออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ยุวพุทธฯ www.ybat.org หรือถ้าไม่ถนัดก็สามารถกรอกใบสมัครส่งทางไปรษณีย์ได้ ใบสมัครและวิธีการสมัคร หาอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่าง หลักสูตรคุณแม่สิริจะใช้ใบสมัครของหลักสูตรทั่วไปค่ะ

http://www.ybat.org/v4/download.asp#a3

วันที่มีการจัดอบรมก็สามารถดูได้จากตารางปฎิบัติธรรมของทางยุวพุทธฯ ตามลิงค์ด้านบนเหมือนกัน ในตารางให้เราดูเฉพาะส่วนที่เป็นของศูนย์ 1 เท่านั้นนะค่ะ เพราะจะเป็นที่ๆจัดหลักสูตรพัฒนาจิตของคุณแม่สิริ

การเดินทางไปที่ศูนย์ถ้าจะให้สะดวกก็น่าจะต้องแท็กซี่ บอกว่าไปยุวพุทธิกสมาคม ซอยเพชรเกษม 54 ยังไงจะแปะแผนที่และเบอร์ติดต่อไว้ให้ด้วยค่ะ เผื่อแท๊กซี่ไม่รู้เรื่อง

เมื่อไปถึงศูนย์เราก็ไปลงทะเบียนกันที่ตึกว่อง วานิช (เริ่มลงทะเบียน 7.30-9.00น. — ถ้าจะมาสายกว่านั้นก็สามารถโทรบอกเจ้าหน้าที่ไว้ได้ก่อน 1 วัน แต่ควรไปให้ทันเพื่อเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์นะค่ะ) เจ้าหน้าที่จะให้เราถ่ายรูป กรอกข้อมูลส่วนตัว และฝากโทรศัพท์ หลังจากนั้นเราก็จะได้บัตรซึ่งถ้าจำไม่ผิดจะมีเลขที่เตียงนอนของเราอยู่ด้วย ที่ตึกนี้มีร้านหนังสือด้วยค่ะ แต่อย่าเพิ่งซื้อนะ ค่อยซื้อวันกลับดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นเราจะอยากอ่านแต่หนังสือ ไม่ได้ปฎิบัติอย่างเต็มที่

หลังจากที่เราจัดการเรื่องลงทะเบียนเสร็จ เราก็พากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพัก ตลอดเวลาการปฎิบัติเราจะอยู่กันในตึกธรรมนิเวศ ซึ่งจะเป็นตึกข้างๆตึกว่อง วานิช คาดว่าตึกธรรมนิเวศนี้น่าจะเป็นตึกใหม่ค่ะ เพราะตอนเราไปเตียงยังห่อพลาสติกเอาไว้อยู่เลย ก่อนขึ้นตึกเค้าจะให้ถอดรองเท้าทิ้งไว้ แปลว่า ตลอด 7 วัน เราเดินเท้าเปล่า ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะต้องเอารองเท้าสำรองสะอาดๆไปด้วย หรือจะแค่สวมถุงเท้าก็ได้ อย่างเราก็สวมแค่ถุงเท้าค่ะ

ด้านบนเป็นรูปบรรยากาศห้องอาหารซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร ห้องพักของเราก็จะต้องเดินทะลุห้องอาหารนี้เข้าไป ที่ยุวพุทธฯทุกสิ่งทุกอย่างสะอาดหมดค่ะ เพราะมีพี่ๆแม่บ้านช่วยกันดูแลหลายคน แม้แต่ห้องน้ำต่างๆในอาคารก็สามารถเดินเท้าเปล่าเข้าไปได้เลย อาหารก็อร่อยมากค่ะ (อร่อยระดับหมึกแดงมาชิม) เราจะทานอาหารกันทั้งสามมื้อ เพราะที่นี่จะแค่รักษาศีลห้าค่ะ อาหารเป็นมังสวิรัติที่ทานไข่ได้ แต่เค้าก็ไม่ได้บังคับนะค่ะ ถ้ามีเจ้าภาพจัดอาหารที่มีเนื้อสัตว์ติดมาด้วย ผู้ปฎิบัติก็สามารถทานได้เหมือนกัน

พยายามจะหารูปห้องนอนกับห้องน้ำมาให้ดูค่ะ แต่ไม่สามารถหาได้ ห้องนอนเป็นห้องปรับอากาศอารมณ์เหมือนหอพัก มีเตียงเหล็กสองชั้นเหมือนพวกที่ออกมาจาก Index หรือ IKEA วางเรียงต่อๆกันคิดว่าน่าจะหลายสิบเตียง คนพักกันซัก 50 คนต่อห้องน่าจะได้ นอนกันอย่างอบอุ่นไม่ต้องกลัวผี สำหรับคนนอนกรน/คนกลัวห้องปรับอากาศก็จะมีห้องแยกไว้ให้ต่างหากค่ะ แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย ถ้าเป็นคนไวต่อเสียง นอนไม่ค่อยหลับ วิทยากรก็จะมีจัดเตรียม ear plug ไว้เสียบหูกันเสียง แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะค่ะว่าตอนเช้าจะได้ยินเสียงเค้าปลุกมั้ย ส่วนห้องน้ำก็เหมือนห้องน้ำตามสระว่ายน้ำ มีพาร์ทิชั่นกั้นเป็นห้องเล็กๆ สะอาดและสะดวกดีค่ะ

ที่ยุวพุทธจะแตกต่างจากศูนย์ปฎิบัติที่อื่นหน่อยหนึ่ง ตรงที่เค้าจะพยายามจัดคนที่มาด้วยกันให้ได้อยู่ใกล้ๆกัน อาจจะเพื่อลดความกังวล เพราะคนส่วนใหญ่เป็นผู้ปฎิบัติใหม่ทั้งนั้น แต่อยู่ที่นี่ดีอย่างค่ะ วิทยากรดูแลเราเหมือนไข่ในหิน พยายามให้เรารู้สึกไม่ลำบาก ไม่อึดอัด ซึ่งคิดว่าดีสำหรับผู้เริ่มปฎิบัติ เพราะมันไม่เครียด บางที่เคร่งมากเกิน ไม่กี่วันก็แอบหนีกลับบ้านกันแล้ว ถ้าจิตใจยังเข้มแข็งไม่พอ กลัวนู่น กังวลนี่ ยุวพุทธฯก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ

นอกจากนี้ทางศูนย์ก็จะมีบริการล็อกเกอร์ แต่ถ้าอยากจะเพิ่มกุญแจล็อกต้องวางเงินค้ำประกัน 100 บาท ซึ่งจะได้คืนในวันกลับ หรือถ้ามีกุญแจอยู่แล้วที่บ้านก็เอาไปเองเลยก็ได้เหมือนกันค่ะ

อันนี้เป็นภาพห้องปฎิบัติรวม ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคาร เป็นห้องปรับอากาศเหมือนกัน เราจะฝึกปฎิบัติ ฟังเทศน์ สวดมนต์ กันที่ห้องนี่แหละค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่าระบบภาพและเสียงที่นี่มีมาตรฐานที่ดีพอสมควร ไม่ต้องกลัวว่าเวทีอยู่ไกลแล้วจะมองไม่เห็น เค้ามีโปรเจ็คเตอร์เรียบร้อย ที่เซอร์ไพรส์คือ ที่นี่เค้ามีคนควบคุมกล้องด้วยนะค่ะ สามารถฉายไปที่วิทยากร แล้วก็ฉายไปที่ผู้ปฎิบัติได้

การฟังเทศน์/ธรรมะบรรยายที่นี่เราขอถือเป็นไฮไลท์เลยค่ะ เพราะวิทยากรที่เลือกมาเป็นระดับเพชรน้ำเอกทั้งนั้น มีทั้งนักเขียน นักคิด นักปฎิบัติ และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย เป็นการฟังเทศน์ที่สนุกเกินคาดหมายไปซะมาก ขำ และเข้าใจง่าย พูดแล้วอยากไปฟังอีกซักหลายๆรอบ ซีดีเทศน์และธรรมะบรรยายถุงโตที่กวาดซื้อมาอย่างเสียสติเป็นพยานค่ะ

นอกเหนือจากน้ำขวดที่ยุวพุทธฯเค้าแจกตอนเข้าศูนย์ เราก็ยังสามารถซื้อเครื่องดื่ม โยเกิร์ต ได้ด้วยค่ะ ไม่มีคนคอยเก็บเงินเราหรอกนะค่ะ เค้าจะแค่ติดราคาไว้ ส่วนเราหยอดกระปุกเอาเองค่ะ ไว้ใจผู้ปฎิบัติมากเลย ขวดจากน้ำขวดที่เค้าแจกเราก็ต้องเก็บเอาไว้รองน้ำดื่มตลอด 7 วัน

ที่นี้เข้าเรื่องการปฎิบัติหน่อยนะค่ะ อย่างที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าการปฎิบัติที่นี่จะเป็นไปตามแนวสติปัฎฐาน 4 สายพองยุบ คือจะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงทางกาย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว หรือสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทางจิตคืออารมณ์ ความนึกคิดต่างๆที่เกิดขึ้นเองขณะปฎิบัติ ซึ่งการปฎิบัติแบบนี้ เราต้องใช้คำบริกรรมช่วย คำบริกรรมก็คือ การภาวนายืนหนอ นั่งหนอ ยุบหนอ พองหนอ อย่างที่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ซึ่งบางคนอาจจะรังเกียจ แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการปฎิบัติแบบพองยุบเป็นการปฎิบัติที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากที่สุด มันเข้าใจง่าย แต่อาจจะเป็นเพราะว่านี่เป็นวิธีที่เหมาะกับจริตของเราก็ได้ อันนี้ไม่สามารถบอกได้ค่ะ

สำหรับผู้ที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไป เราขอแนบรายการจัดกระเป๋าเตรียมไปปฎิบัติธรรมไว้ด้านล่างนี้เลยนะค่ะ

  1. ชุดขาวล้วนทั้งชุด ไม่มีลาย ไม่มีสี ไม่มีตัวหนังสือ ไม่บาง ไม่โป๋ ไม่สั้น
  2. เครื่องใช้ส่วนตัว เช่นแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อนอน และอาจจะมีครีมนิดหน่อยสำหรับคนผิวแห้งนะค่ะ เพราะเราต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอด
  3. เสื้อหนาวสีขาว ไม่มีสี ไม่มีลาย ไม่มีตัวหนังสือ ถ้าหาไม่ได้ก็เป็นสีโทนน้ำตาล ครีม เทา ดำ (อันนี้สำคัญเพราะห้องปฎิบัติหนาวมาก)
  4. ถุงเท้า/รองเท้าใส่ในตึก อันนี้แล้วแต่บางคนค่ะ
  5. รองเท้าใส่อาบน้ำ อันนี้ก็แล้วแต่เหมือนกันค่ะ แต่เราใส่นะ เพราะห้องน้ำมันต้องอาบกันหลายคน คราบสบู่ทำให้ลื่นได้
  6. ยาประจำตัว ยาพื้นฐาน ยาอมแก้เจ็บคอ แก้ไอ ถ้าไม่เอาไปก็ฝากเค้าซื้อได้ค่ะ เค้ามีบริการ
  7. ปลอกหมอนโตๆ และผ้าห่ม ถ้าไม่ชอบใช้เครื่องนอนของศูนย์

สำหรับที่ยุวพุทธฯ อยากจะเชียร์ให้ลองไปดู เพราะสถานที่ อาหารการกินมันดีมากๆจริงๆค่ะ เรียกได้ว่าดีที่สุดในสามโลก คุ้มค่ามากๆที่จะไปดู ไปฟัง ไปเริ่มรู้จักพระพุทธศาสนา รับรองค่ะว่าคุณจะไม่เสียใจที่ได้ไปลองปฎิบัติดูซักครั้ง ส่วนเราส่งน้อง ส่งป้า ส่งเพื่อน ส่งคนทุกคนที่รักไปหมด ลองคิดดูนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

Source: www.ybat.org, oknation.net, http://www.palapanyo.com/files/map/?f=ybat.html, http://yanawarut-sos.blogspot.com/2011_09_01_archive.html

This entry was posted in สติปัฎฐาน 4, สถานที่ปฎิบัติธรรม and tagged , , , , , . Bookmark the permalink.

2 Responses to Review: ยุวพุทธิกสมาคม (หลักสูตรพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข โดยคุณแม่สิริ)

  1. Pingback: Review: ยุวพุทธิกสมาคม ศูนย์ 2, ปทุมธานี (หลักสูตร อ.เรณู ทัศณรงค์) | House of the Grey Lotus

  2. meemeaw says:

    ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆ ค่ะ
    และสาธุ สาธุ สาธุ ในธรรมด้วยค่ะ
    ^__^

Leave a comment